จั๊มพ์แบตเตอรี่ ด้วยตนเอง
25 Apr 2020ในเมื่อเราไม่อาจรู้ปัญหาของแบตเตอรี่จะเกิดขึ้นเมื่อใด วิธีการรับมือที่ดีที่สุดก็คือ การเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับแบตเตอรี่ ซึ่งมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก และสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง
โดยเริ่มจากเสียงสตาร์ตเครื่องยนต์ที่ยาวกว่าปรกติ แสดงว่าแบตเตอรี่กำลังเสื่อมสภาพลง และควรได้รับการซ่อมบำรุงก่อนนำออกไปใช้งาน แต่หากรถเกิดสตาร์ตไม่ติดก่อนการซ่อมบำรุงเนื่องจากแบตเตอรี่ มีกำลังไฟอ่อนเกินไป ก็สามารถแก้ไขได้ด้วย การจั๊มพ์แบตเตอรี่ ซึ่งมีขั้นตอนง่ายๆ ซึ่งใครๆ ก็ทำเองได้ดังนี้
1. เตรียมสายพ่วงแบต
2. ต่อสายพ่วงแบตกับรถทั้ง2 คัน
- นำหัวสายสีแดงซึ่งเป็นขั้วบวกมาต่อกับขั้วบวก กับรถที่แบตเตอรี่หมด หลังจากนั้น นำหัวต่ออีกข้าง ต่อเข้ากับ ขั้วบวกของแบตเตอรี่รถยนต์อีกคัน
- ส่วนสายสีดำ ต่อเข้ากับขั้วลบของแบตเตอรี่รถยนต์อีกคัน จากนั้น สายต่อที่เหลือ ต่อเข้ากับส่วนที่เป็นโลหะของตัวถังรถยนต์ ของคันที่แบตเตอรี่หมด โดยควรต่อให้ห่างจากแบตเตอรี่มากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดการสปาร์คของแบตเตอรี่
3. หากพ่วงแล้ว ยังสตาร์ตไม่ติด ให้สตาร์ตรถคันที่แบตเตอรี่ยังดีอยู่ พร้อมกับเร่งเครื่องเบาๆ จากนั้นค่อยสตาร์ตรถคันที่แบตเตอรี่หมด
เมื่อรถสตาร์ตติดแล้ว ควรรีบนำไปทำการซ่อมบำรุงให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก แต่หากแบตเตอรี่ไม่อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้แล้ว ต้องรีบเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่
ซึ่งสามารถทำได้ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เช่นกัน
1. เตรียมถุงมือ ประแจ และฆ้อนยาง
2. ถอดสายที่ต่อเข้ากับขั้วลบก่อน แล้วค่อยถอดสายไฟที่ต่อเข้ากับขั้วบวก โดยห้ามวางปลายสายไว้จุดที่เป็นโลหะ เนื่องจากจะทำให้เกิดการสปาร์คได้
3. ถอดเข็มขัดแบตฯ แล้วถอดแบตเตอรี่ลูกเก่าออก จากนั้นจึงใส่แบตเตอรี่ลูกใหม่เข้าไปแทน
4. ใส่เข็มขัดคาดแบตฯ ให้แน่น จากนั้น จึงต่อสายไฟเข้ากับขั้วบวกก่อน แล้วตามด้วยขั้วลบ และในระหว่าการเปลี่ยนแบตเตอรี่ต้องระวัง ไม่จับขั้วแบตเตอรี่ ทั้งขั้วบวกและขั้วลบพร้อมกัน เพราะจะทำให้ไฟฟ้าเดินครบวงจร อาจะเกิดการช็อต ซึ่งอาจะเกิดอันตรายถึงชีวิตได้
ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้ ผู้ใช้รถทุกคนก็สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ได้ด้วยตนเอง
มาดูวิดีโอกันเลยนะครับ ❤
ด้วยความห่วงใยจาก โตโยต้า บัสส์
นัดหมายซ่อมรถ หรือนัดหมายทดลองขับ โทร 1268 นะครับ